ตาแห้ง

ตาแห้ง

ตาแห้ง

ตาแห้ง เป็นภาวะที่พบได้บ่อย เกิดจากการสร้างน้ำตาน้อยหรือมีการระเหยของน้ำตามากเกินไป เนื่องจากมีการเสียสมดุลของบริเวณผิวกระจกตา ร่วมกับการอักเสบของเซลล์ผิวตา ทำให้มีความเข้มข้นของน้ำตาสูงกว่าปกติ

โดยปกติน้ำตามีหน้าที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวกระจกตาและเยื่อตา ทำให้ผิวกระจกตาเรียบส่งผลให้การรับและหักเหแสงเป็นระเบียบ นอกจากนั้นน้ำตายังเป็นตัวนำส่งสารอาหารและออกซิเจนให้แก่กระจกตา น้ำตาประกอบด้วยส่วนที่เป็นน้ำถึง 98% นอกนั้นประกอบด้วยน้ำตาล เอ็นไซม์ เกลือแร่ และสารอื่นๆ
ฟิล์มน้ำตาของเราประกอบด้วย 3 ชั้นดังนี้

ตาแห้ง

  1. ชั้นไขมันเป็นชั้นที่อยู่นอกสุด สร้างจากต่อมไขมันที่เปลือกตา ( meibomian gland) หน้าที่หลักของชั้นนนี้คือป้องกันไม่ให้น้ำตาระเหยเร็วเกินไป
  2. ชั้นน้ำ เป็นชั้นตรงกลางของฟิล์มน้ำตา เป็นชั้นที่หนาที่สุด สร้างจากต่อมน้ำตา ชั้นนี้ทำหน้าที่ให้ความชุ่มชื้น และให้ออกซิเจนเลี้ยงเซลล์ผิวกกระจกตา
  3. ชั้นเมือก อยู่ชั้นในสุดของฟิล์มน้ำตา สร้างจากต่อมเมือกบริเวณเยื่อตาขาว ชั้นเมือกนี้มีหน้าที่ ช่วยลดแรงตึงผิวและทำให้ฟิล์มน้ำตาไม่แตกตัวง่าย ช่วยกระจายน้ำตาให้ทั่วผิวกระจกตา ช่วยหล่อลื่นลดการเสียดสีของเปลือกตากับกระจกตาเวลากระพริบตา

อาการของตาแห้ง

  1. เคืองตา เหมือนมีสิ่งแปลกปลอมในตา
  2. แสบตา ร้อนๆตา
  3. น้ำตาไหล
  4. สู้แสงไม่ได้
  5. ตามัว
  6. ปวดกระบอกตา
  7. ตาแดงเรื่อๆ
  8. ฝืดตาเวลาตื่นนอน
  9. รู้สึกเหมือนง่วงนอนตลอดเวลา

ผู้ที่มีโอกาสเกิดตาแห้งได้บ่อย

  1. อายุมากกว่า 50ปี
  2. ผู้หญิง
  3. ใส่คอนแทคเลนส์
  4. ใช้ยาบางชนิด เช่น ยารักษาสิวกลุ่ม Roaccutane ยารกษาโรคซึมเศร้า ยาแก้ภูมิแพ้
  5. คนที่มีโรคประจำตัว เช่น ออโต้อิมมูน ภูมิแพ้ โรค Sjogren syndrome
  6. ผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์หรือมือถือหลายชั่วโมงต่อวัน
  7. ผู้ที่เคยผ่าตัดแก้ไขสายตาด้วยเลเซอร์
  8. ผู้ที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือน

ตาแห้ง

การตรวจวินิจฉัยที่นิยมทำได้แก่

  1. การย้อมสีฟลูโอเรสซีน เพื่อดูผิวกระจกตา บริเวณที่แห้ง จะติดสี ผิวกระจกตาจะขรุขระ และการดูการแตกตัวของฟิล์มน้ำตา ลักษณะการแตกตัวจะสามารถบอกสาเหตุของตาแห้งว่าปัญหาอยู่ที่ชั้นใดของฟิล์มน้ำตา เช่นชั้นน้ำ ชั้นไขมัน หรือชั้นเมือก
  2. การทำ Schirmer’s test เพื่อดูปริมาณน้ำตา
  3. ตรวจดูสภาพต่อมไขมันที่เปลือกตาว่ามีการอุดตันของต่อมไขมันด้วยหรือไม่

โรคตาแห้ง

การรักษา

1.การหยอดน้ำตาเทียม

การใช้น้ำตาเทียม เพื่อทดแทนน้ำตาที่ขาดไปยังเป็นการรักษาหลัก น้ำตาเทียมนอกจากจะมีฤทธิ์ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นของกระจกตาแล้ว ยังมีผลในการช่วยสมานแผลของผิวกระจกตาที่ขรุขระจากตาแห้งด้วย ถ้ามีอาการตาแห้งมากแนะนำให้ใช้น้ำตาเทียมที่มีส่วนประกอบของ โซเดียมไฮยาลูโรเนต

2.การอุดท่อน้ำตา

เพื่อให้น้ำตาค้างอยู่ในตานานขึ้น มีทั้งแบบชั่วคราวและถาวร

3.การใช้ยาลดการอักเสบ

เนื่องจากในคนที่ตาแห้งมักมีการอักเสบของผิวกระจกตาร่วมด้วย ดังนั้นอาจจำเป็นต้องใช้ยาแก้อักเสบเพื่อลดการอักเสบ ได้แก่ยาในกลุ่มเสตียรอยด์อ่อนๆหยอด และกลุ่ม cyclosporin ได้แก่ Restasis , Ikervis

4.การใช้ยากระตุ้นการสร้างน้ำตา

ได้แก่ยาที่ชื่อ Diquas ( 3% diquafosol sodium ) เป็นยาในกลุ่ม P2Y2 receptor agonist มีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นการขับน้ำและเมือกจากเซลล์เยื่อตา มีผลวิจัยว่าช่วยลดการอักเสบได้ด้วยและ ช่วยรักษาอาการตาแห้งในคนที่มีต่อมไขมันที่เปลือกตาอักเสบ (MGD)

5.การรักษาภาวะ MGD หรือภาวะต่อมไขมันที่เปลือกตาผิดปกติ

เมื่อต่อมไขมันที่เปลือกตาอุดตัน ทำให้ผลิตชั้นไขมันออกมาเคลือบผิวดวงตาได้ไม่ดี จึงทำให้ฟิล์มน้ำตาระเหยเร็ว จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดตาแห้ง การวินิจฉัยภาวะนี้ทำได้โดยการตรวจดูบริเวณเปลือกตา จะเห็นเปลือกตามีลักษณะไม่เรียบ มีเส้นเลือดมากกว่าปกติ มีการอุดตันของต่อมไขมัน และเมื่อกดดูจะได้ไขมันเป็นก้อน แทนที่จะเป็นน้ำใสๆ การรักษาภาวะนี้ควบคู่ไปกับการรักษาตาแห้งเป็นสิ่งสำคัญ ทำได้โดยการทำความสะอาดเปลือกตาเป็นประจำ การประคบอุ่นและ การนวดเปลือกตา

6.การปรับพฤติกรรม และสิ่งแวดล้อม

ในคนที่ต้องใช้หน้าจอทั้งวัน จะทำให้กระพริบตาน้อยลง การกระพริบตาแต่ละครั้งจะช่วยเคลือบน้ำตามาบนผิวตาของเรา จึงควรกระพริบตาบ่อยๆ และ พักสายตาทุกครึ่งชัวโมงดดยการหลับตาสักครู่หรือทอดสายตาไปไกลๆสักพัก แล้วค่อยกลับมาทำงานต่อ การทำงานในห้องแอร์ทั้งวันก็มีส่วนทำให้ตาแห้งด้วย

สรุป

ภาวะตาแห้งเป็นภาวะที่พบได้บ่อยและมักเป็นเรื้อรัง การรักษาที่ถุกต้องและต่อเนื่องสม่ำเสมอเป็นสิ่งจำเป็น สาเหตุของตาแห้งมักเป็นจากหลายปัจจัย ดังนั้นการรักษาจึงจำเป็นต้องใช้หลายวิธีร่วมกัน หากอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาจักษุแพทย์

เอกสารอ้างอิง

Aragona P, Giannaccare G, Mencucci R, et al
Modern approach to the treatment of dry eye, a complex multifactorial disease: a P.I.C.A.S.S.O. board review
British Journal of Ophthalmology 2021;105:446-453.

Amano S, Inoue K. Effect of topical 3% diquafosol sodium on eyes with dry eye disease and meibomian gland dysfunction. Clin Ophthalmol. 2017;11:1677-1682. Published 2017 Sep 14. doi:10.2147/OPTH.S148167